สุขภาพทั่วไป

แนะนำปลาที่คนเป็นโรคไตนั้นสามารถทานได้

เนื้อปลาที่ดีนั้นที่เหมาะกับสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตสำหรับคนที่เป็นโรคไตนั้นควรจะกิน เนื้อปลาน้ำจืด หรือ เนื้อปลาทะเลน้ำลึกเพราะว่ามีโปรตีนสูง และ มีไขมันที่ดีด้วยเพราะว่าได้รับกรดไขมันชนิดPUFAที่มีโอเมก้า3 ( EPA และ DHA ) ซึ่งมันจะช่วยลดระดับไตรกีลเซอไรค์ในเลือดได้ดีอีกด้วยการกินเนื้อปลาที่ย่อยง่ายจะช่วยทำให้ค่าของเสียโปรตีนออกมาน้อยซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อโรคไต

เนื้อปลาที่ดีสำหรับคนที่เป็นโรคไตควรมีคุณสมบัติดังนี้

ไม่แปรรูป ไม่แช่แข็ง ไม่เค็ม เนื้อขาว ย่อยง่าย ไขมันดี นึ่ง ต้ม ไม่ทอด เน้นลอกหนัง

ปลาทู      เป็นปลาราคาถูกและดีที่โรคไตนั้นทานได้มีอยู่จริงปลาทูมีโปรตีนสูงช่วยบำรุงสมอง ลดไขมันในเลือดปลาทูนั้นเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนและโปรตีนจากเนื้อปลาทูก็เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายด้วยโดย ปลาทู100กรัมมีโปรตีนสูงถึง24.9กรัมมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหรือกรอไขมันโอเมก้า3ค่อนข้างมากซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ร่างกายของเรานั้นไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เองต้องรับจากสารอาหารที่มีโอเมก้า3สูงอย่างปลาทูปลาทูมีกรดไขมันชนิดPUFAหรือกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งจะมีสรรพคุณช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดอีกทั้งโรคไตนั้นยังสามารถทำน้ำพริกโดนนำเอาเนื้อปลาทูผสมลงไปเอาไว้กินกับผักลวงได้สามารถที่จะเจริญอาหารได้เช่นกัน

ปลานิล     เป็นปลาพระราชทานในหลวง ร.9ที่ได้ทรงมีพระราชดำริเผยแพร่อาหารโปรตีนราคาถูกให้ประชาชนนั้นได้รับประทานที่สำคัญคนที่เป็นโรคไตแบบนี้ก็ยังสามารถทานได้หลากหลายเมนูด้วยเช่นกัน ปลานิลเป็นโปรตีนย่อยง่ายป้องกันการแก่ก่อนวัย โซเดียมต่ำเนื้อปลานิลโดยเฉพาะทางธรรมชาติจะมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันน้อยกว่าเนื้อพันชนิดอื่นเมื่อเนื้อปลานิลสุขจะแยกออกเป็นชิ้นๆตามมัดของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวพันเนื้อปลาจึงนุ่มไม่เหนียวและไม่หดตัวมากกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ

เมื่อเราได้รับประทานปลานิลเข้าไประบบย่อยอาหารของเราจึงไม่ทำงานหนักมากเท่าไรจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่เนื้อปลานิลมีคอลราเจนจากธรรมชาติอีกทั้งยังมีโปรตีนช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซอลล์ที่สึกหรอป้องกันความเสื่อมของเซอลล์ต่างๆนอกจากนี้กรดอะมิโนโปรตีนจากปลาจะยังมีส่วนช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้นนอนหลับได้สนิดได้ดีขึ้น

และยังช่วยชะลอความแก่ของเซอลล์ผิวได้อีกทางหนึ่งด้วยผู้ป่วยโรคไต โรคเบาหวาน และ โรคความดันโลหิสูงแนะนำให้กินปลานิลเป็นอาหารได้เลยเพราะปริมาณโซเดียวต่ำ ไม่มีอาการบวมเค็มสามารถรับประทานได้โดยที่ไม่ต้องกลัวบวมเค็ม

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

สุขภาพ

ช่วงเวลาการนอนหลับที่เหมาะสมของเด็ก

         คนเราทุกคนร่างกายย่อมต้องการการนอนหลับและพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งเรามักจะได้ยินคนส่วนใหญ่พูดกันว่านอนให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ แต่มีใครรู้บ้างไหมว่าการนอนให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการนอน คนเราแต่ละคนจะต้องนอนกันนานแค่ไหน เด็กกับผู้ใหญ่ต้องนอนจำนวนชั่วโมงเท่ากันหรือไม่ เพราะเราจะทราบกันดีกว่าควรนอนวันละ 7-8 ชั่วโมงเวลานี้เหมาะกับกับเด็กหรือเปล่า เพราะเรามักจะเห็นว่าทารกแรกเกิดนอนแทบจะตลอดทั้งวันจะตื่นขึ้นมาเพราะหิวหรือฉี่ หรือเวลาจะอึเท่านั้น นั่นเป็นการแสดงว่าทารกนอนนานเกินไปหรือไม่ ดังนั้นวันนี้เราจึงมาแนะนำข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการนอนแต่ละช่วงวัยอายุให้ทราบกันค่ะ

       คุณรู้หรือไม่ว่า ช่วงเวลาการนอนของแต่ละ อายุนั้นจะไม่เท่ากัน เมื่ออายุต่างกันเวลาที่ร่างกายต้องการให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอก็จะต่างกันไปด้วย ไม่ใช่เพียงแค่อายุเท่านั้นที่จะมีผลให้ร่างกายต้องการจำนวนชั่วโมงการนอนที่แตกต่างกัน กิจกรรมของแต่ละคนที่ทำในช่วงกลางวันก็จะมีผลประกอบด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลสำหรับเด็กว่าควรจะมีการนอนพักผ่อนมากน้อยแค่ไหน ที่จะได้ชื่อว่าเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการแล้ว 

1.สำหรับทารก

สำหรับในวัยที่ยังคงเป็นทารกนั้น เราจะเห็นว่าพวกเขาจะนอนกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนกันเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าร่างกายของพวกเขายังต้องการที่จะพักผ่อน ซึ่งความต้องการของทารกในแต่ละวันนั้นตอ้งการนอนนานถึง 17 ชั่วโมงแต่วันเลยทีเดียว และทารกมีการพัฒนาการที่ค่อนข้างเร็วดังนั้น เมื่อพวกเขาอายุได้ประมาณ 6 เดือนไปแล้วพวกเขาจะเริ่มมีการปรับตัวในการนอนได้ โดยจะเน้นการนอนในกลางคืนมากขึ้นและจะเริ่มตื่นในเวลากลางวัน

2.สำหรับเด็กวัยที่กำลังหัดเดิน

สำหรับเด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังหัดเดินนั้น เป็นวัยที่อยู่ไม่สงบนิ่งมากนัก ในวัยนี้ร่างกายจะต้องการให้มีการพักผ่อนอยู่ในประมาณต่อวัน 10 ถึง 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งวัยนี้จะมีอายุราวราว หนึ่งถึงสองขวบ ส่วนใหญ่วัยนี้มักจะตื่นมาเล่นในตอนกลางวันและตอนกลางคืนจะหลับยาวนานขึ้น

3.วัยเด็กโต

ต้องบอกว่าวัยเด็กโตเป็นวัยที่ไม่อยู่นิ่งได้เลย สำหับวัยนี้จะมีอายุอยู่ระหว่าง 3-12 ปี ซึ่งในตอนกลางวันแทบจะไม่นอนแล้ว แต่จะมานานมากในช่วงกลางคืนซึ่งจำนวนชั่วโมงที่ร่างกายต้องการให้พักผ่อนจะอยู่ที่ 9-10 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับเด็กวัยนี้ทางที่ดีการให้เข้าเริ่มนอนหลับตั้งแต่ก่อนสองทุ่มจะดีที่สุดเพื่อให้เวลาที่เด็กนอนหลับร่างกายจะได้มีการหลังฮอร์โมนภายในร่างกายเพื่อพัฒนาภายในสมองและอวัยวะภายในด้วย

 

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv